ขอขอบคุณรูปภาพจาก http://www.jirathgiver.com/happiness-is-sharing
บทนำ
พฤติกรรมการแบ่งปัน เป็นการเสียสละสิ่งของหรือทรัพย์ของตนให้แก่ผู้ที่เดือดร้อน หรือต้องการความช่วยเหลือ การแบ่งปันเป็นคุณธรรมที่ช่วยให้เด็กขจัดความเห็นแก่ตัวออกจากตนเอง และทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะความขัดแย้งในเด็กอนุบาลและประถมต้นมักเป็นเรื่องของการแย่งชิงของเล่นกัน สาเหตุส่วนใหญ่ของการทะเลาะกันมักมากจากการไม่รู้จักแบ่งปันกันนั่นเอง
การแบ่งปันมีความสำคัญอย่างไร?
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา วิถีชีวิตของคนไทยแบบดั้งเดิมกำลังเสื่อมหาย ความอบอุ่น ความมีน้ำใจและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติเริ่มลดน้อยเสื่อมถอยลงไป การรับเอาวัฒนธรรมค่านิยมตะวันตกและความเจริญทางด้านวัตถุเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดปัญหาซับซ้อนมากมายในสังคม เพราะสังคมต่างมองและยอมรับว่า ค่านิยมเหล่านี้จะนำตัวเองไปสู่ความทันสมัย ความเจริญรุ่งเรืองเท่าเทียมกับอารยประเทศได้ จนทำให้สังคมกลายเป็นสังคมที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเกิดความเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น จนทำให้ลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สังคมควรให้ความสำคัญและไม่ควรละเลยก็คือการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข การช่วยเหลือแบ่งปัน ร่วมมือซึ่งกันและกันในสังคม และจุดเริ่มต้นที่จะทำให้สังคมเป็นสังคมที่เจริญอย่างแท้จริงก็คือ การศึกษาของเด็กปฐมวัย เพราะเด็กวัยนี้เปรียบเหมือนผ้าขาว จะทำให้มีสีสันอย่างไรก็ได้ สีสันที่เราต่างต้องช่วยกันบรรจงแต่งแต้มด้วยวิธีการที่เห็นว่า จะทำให้ผืนผ้าทุกผืนเป็นผืนผ้าที่สวยงาม สมบูรณ์มากที่สุด ดังนั้นในการพัฒนาบุคคลให้เป็นพลเมืองที่ดี จึงจำเป็นต้องเน้นให้คนมีคุณธรรม - จริยธรรมควบคู่ไปกับการศึกษาส่วนอื่นด้วย จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการแบ่งปันโดยรีบปลูกฝังเสียตั้งแต่วัยเด็ก เพราะเด็กยังเป็นไม้อ่อนที่ดัดง่าย วัย 6 ปี แรกของชีวิตนั้นมีความสำคัญในการพัฒนายิ่งกว่าวัยอื่นๆทั้งหมด และถ้าเด็กปฐมวัยไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องแล้วความสามารถในการเรียนรู้ จะถูกยับยั้ง ล่าช้า และชะงักงันได้ จึงต้องมีการปลูกฝังพฤติกรรมการแบ่งปันให้เหมาะสมกับพัฒนาการ ซึ่ง Ugurel-Semin ได้ศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างช่วงอายุกับการแบ่งปันในเด็กและพบว่า
- เด็กในช่วงอายุ 4-6 ขวบ มีพฤติกรรมแบ่งปันคิดเป็น 33% และมีพฤติกรรมเห็นแก่ตัวคิดเป็น 67%
- เด็กในช่วงอายุ 7-10 ขวบ มีพฤติกรรมแบ่งคิดเป็น 77% และพฤติกรรมเห็นแก่ตัวคิดเป็น 23%
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมด้านการแบ่งปันในเด็กจะเห็นชัดในช่วงวัย 7-10 ขวบ ดังนั้น จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมแบ่งปันที่มีความหลากหลายและเหมาะสมกับสถานการณ์
เด็กจะได้ประโยชน์อะไรจากการแบ่งปัน?
พฤติกรรมการแบ่งปัน เป็นสิ่งสำคัญในสังคมที่ทำให้สังคมอยู่อย่างสงบสุขและเจริญก้าวหน้ารวมถึงประเทศชาติ เราจึงต้องมีการปลูกฝังพฤติกรรมการแบ่งปันตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น จึงสมควรหาวิธีการสอนพฤติกรรมการแบ่งปันให้กับเด็กปฐมวัยให้มีความเหมาะสมกับความสามารถและพัฒนาการที่แท้จริงของเด็กปฐมวัย ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับคือ เด็กจะสามารถ เรียนรู้ เข้าใจจิตใจ อารมณ์ของตนเอง รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เหมาะสมเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ต้องแบ่งปันของเล่นที่ตนเองชอบให้กับผู้อื่น เรียนรู้ที่จะเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น มีความสามารถช่วยเหลือผู้อื่น ควบคุมอารมณ์ มีน้ำใจ อ่อนโยน ช่วยเหลือแบ่งปัน และเกิดความภาคภูมิใจในพฤติกรรมของตนเองเมื่อได้แสดงการแบ่งปันให้ผู้อื่น และรับรู้ถึงความรู้สึกเป็นสุขใจเมื่อได้ทำให้ผู้อื่นมีความสุข การเห็นคุณค่าในตนเองในการทำดี แบ่งปันสิ่งที่รักที่ชอบให้เพื่อนๆและผู้อื่น และเด็กจะมีความยุติธรรมในจิตใจ เมื่อเกิดสถานการณ์การแย่งชิงข้าวของ เด็กสามารถแยกแยะพฤติกรรม และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ การที่เด็กเรียนรู้ที่จะเล่นหรือทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยที่เด็กมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นมากเพียงใด เด็กจะเรียนรู้การให้ความร่วมมือที่จะทำกิจกรรมมากขึ้นด้วย เด็กที่มีพฤติกรมการแบ่งปันจะได้รับการยอมรับจากสังคม จะกระตุ้นให้เด็กมีพฤติกรรมทางบวกที่สังคมต้องการเพิ่มมากขึ้น เด็กจะแสดงออกในความเป็นเพื่อนด้วยการเล่นการพูดคุย และการแสดงความรักใคร่ต่อผู้อื่น เด็กจะมีความเห็นอกเห็นใจและเด็กจะแสดงความเห็นอกเห็นใจได้เมื่อเด็กประสบกับเหตุการณ์ เช่น คนได้รับความทุกข์ก็จะเข้าไปช่วยเหลือหรือปลอบโยน การพึ่งพาอาศัยผู้อื่นให้ช่วยเหลือเหลือ เอาใจใส่ดูแล ซึ่งเด็กจะมีความพอใจช่วยเหลือแบ่งปันเพื่อนๆเสมอ ไม่เกิดความรู้สึกหวงข้าวของ
ขอขอบคุณบทความจาก http://taamkru.com/th/การแบ่งปัน